Customise Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorised as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyse the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customised advertisements based on the pages you visited previously and to analyse the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

เมษายน 17, 2025

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่อัด เลสเตอร์ ซิตี้ ทะยานขึ้นที่ 4 ศึกพรีเมียร์ลีก

 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่อัด เลสเตอร์ ซิตี้ ทะยานขึ้นที่ 4 ศึกพรีเมียร์ลีก

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลทั่วโลก ด้วยการต่อสู้ที่เข้มข้นในตารางคะแนน และหนึ่งในเกมที่มีความสำคัญในช่วงนี้คือการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งผลการแข่งขันในเกมนี้ส่งผลให้ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถเก็บ 3 คะแนนเต็มและขยับขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 4 ของตารางพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

แมนซิตี

1. ความสำคัญของเกมนี้

ก่อนเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ในอันดับที่ 5 ของตารางพรีเมียร์ลีก และตามหลังทีมอันดับ 4 อยู่เพียงไม่กี่แต้มเท่านั้น การแข่งขันในเกมนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการขยับขึ้นไปอยู่ในพื้นที่ท็อปโฟร์ ซึ่งหมายถึงการได้โอกาสในการแข่งขันในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้า

ขณะที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็กำลังพยายามหาฟอร์มเก่งของตัวเองหลังจากที่ฤดูกาลนี้พวกเขามีผลงานที่ไม่ค่อยคงเส้นคงวาเท่าไหร่ ทัพของเบรนแดน ร็อดเจอร์สจึงหวังว่าเกมนี้จะเป็นโอกาสในการกลับสู่เส้นทางการลุ้นพื้นที่ยุโรป แต่การมาเยือนของแมนซิตี้ที่ฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขา

2. การจัดตัวผู้เล่นของทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงสนามด้วยการจัดทัพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ในแผน 4-3-3 โดยมีผู้เล่นหลักทั้งเควิน เดอ บรอยน์, ราฮีม สเตอร์ลิง และเออร์ลิง ฮาลันด์ อยู่ในแนวรุก สำหรับแผงกลางก็มีทั้งโรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน และเบอร์นาโด้ ซิลวา ซึ่งทำให้ทีมมีความสมดุลทั้งในด้านการโจมตีและการป้องกัน

ในขณะที่ เลสเตอร์ ซิตี้ มาในแผน 4-2-3-1 โดยมีจามี วาร์ดี เป็นกองหน้าตัวเป้า และผู้เล่นที่สร้างสรรค์เกมในแผงกลางอย่างเจมส์ แมดดิสัน และฮัมซ่า เชาดูรี่ ก็มีบทบาทในการพยายามสร้างโอกาสให้กับทีม อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมากจากการครองเกมที่เหนือกว่าและการจบสกอร์ที่แม่นยำของแมนเชสเตอร์ ซิตี้

3. เกมการแข่งขัน

ในช่วงต้นเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าและมีโอกาสบุกหนักตั้งแต่ต้นเกม โดยเริ่มตั้งแต่การส่งบอลจากแดนหลังที่รวดเร็ว และการเคลื่อนที่ของผู้เล่นในแนวรุกที่ทำให้แนวรับของเลสเตอร์ ซิตี้ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

ในนาทีที่ 10 แมนซิตี้ก็ได้โอกาสยิงประตูจากการจ่ายบอลของเดอ บรอยน์ที่ถูกส่งไปให้ฮาลันด์ ซึ่งยิงไปติดเซฟของผู้รักษาประตูเลสเตอร์ ซิตี้อย่างแดนนี่ วอร์ด แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทีมเจ้าบ้านก็ไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือไปง่ายๆ

ในนาทีที่ 18 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการทำประตูของราฮีม สเตอร์ลิง หลังจากการจ่ายบอลสวยๆ ของเควิน เดอ บรอยน์ ที่หลุดไปให้สเตอร์ลิงเข้าไปยิงอย่างเฉียบคม ซึ่งเป็นประตูที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างผู้เล่นในทีมที่มีประสิทธิภาพสูง

หลังจากได้ประตูนำ ซิตี้ยังคงครองเกมได้อย่างต่อเนื่อง และในนาทีที่ 35 พวกเขามาได้ประตูที่สองจากการยิงของเออร์ลิง ฮาลันด์ ที่สอดเข้ามาในกรอบเขตโทษและยิงบอลไปที่มุมล่างสุดของประตู ซึ่งทำให้ผลการแข่งขันเป็น 2-0

เลสเตอร์ ซิตี้ พยายามตอบโต้กลับและสร้างโอกาสได้บ้างในช่วงปลายครึ่งแรก โดยมีเจมส์ แมดดิสันที่สร้างสรรค์โอกาสยิงประตูจากลูกฟรีคิก แต่ก็ไม่สามารถผ่านมือของเอแดร์สันได้ ทำให้จบครึ่งแรก แมนซิตี้นำอยู่ 2-0

ในครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงไม่ผ่อนเกม โดยเพิ่มความดุดันในการบุกและการกดดันเลสเตอร์ ซิตี้ในแดนกลาง ขณะที่เลสเตอร์พยายามที่จะกลับเข้าสู่เกมด้วยการเปลี่ยนตัวผู้เล่นและจัดกลยุทธ์ใหม่เพื่อสร้างโอกาสในการทำประตู

อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายเกม นาทีที่ 75 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มาได้ประตูที่สามจากการจ่ายบอลของเดอ บรอยน์ให้กับฮาลันด์ ซึ่งทำให้ผลการแข่งขันกลายเป็น 3-0 และปิดเกมไปด้วยชัยชนะขาดลอย

4. ผลกระทบของผลการแข่งขัน

ชัยชนะในเกมนี้ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถขยับขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 4 ของตารางพรีเมียร์ลีก และยังคงมีโอกาสในการลุ้นแชมป์กับทีมที่อยู่ข้างหน้าในอันดับ หากทีมสามารถรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ได้ต่อไป

สำหรับเลสเตอร์ ซิตี้ ผลการแข่งขันในเกมนี้ไม่เป็นที่น่าพอใจ และพวกเขายังคงต้องพยายามฟื้นฟูผลงานของตัวเองในเกมต่อๆ ไป หากพวกเขาต้องการกลับมาลุ้นพื้นที่ยุโรปในฤดูกาลนี้

5. ความสำเร็จของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า

ชัยชนะในเกมนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในการสร้างทีมที่มีความสมดุลทั้งในด้านการโจมตีและการป้องกัน แม้ว่าจะมีการปรับแผนในบางเกม แต่กวาร์ดิโอล่ายังคงทำให้ทีมของเขามีประสิทธิภาพสูงในการคว้า 3 คะแนน

สรุป

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เลสเตอร์ ซิตี้ ในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแมนซิตี้ในฐานะทีมที่มีขุมกำลังที่สมบูรณ์และฟอร์มที่ร้อนแรง ขณะที่เลสเตอร์ ซิตี้ยังคงหาฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองไม่เจอ แม้พวกเขาจะมีโอกาสในการสร้างสรรค์เกม แต่ก็ยังขาดความเด็ดขาดในการทำประตู

ชัยชนะครั้งนี้ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขยับขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 4 และเพิ่มความหวังในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ ขณะที่เลสเตอร์ ซิตี้ต้องกลับไปทำงานหนักในการรักษาฟอร์มและพยายามเก็บแต้มเพื่อความอยู่รอดในลีกและการลุ้นพื้นที่ยุโรป

Rate Your Vibes