ศึกวันแดงเดือด (Red War): ประวัติศาสตร์และความดุเดือดของศึกพรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

“ศึกวันแดงเดือด” (Red War) เป็นหนึ่งในแมตช์ที่ดุเดือดและเป็นที่จับตามองมากที่สุดในวงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เป็นการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล (Liverpool FC) และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United FC) สองสโมสรยักษ์ใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและแฟนบอลจำนวนมหาศาลทั่วโลก

แมตช์นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เกมฟุตบอลธรรมดา แต่เป็นสงครามแห่งศักดิ์ศรีระหว่างสองเมืองที่มีการแข่งขันกันมาตั้งแต่อดีต บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก ศึกวันแดงเดือด และเหตุผลที่ทำให้การแข่งขันนี้กลายเป็นหนึ่งในเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก

จุดกำเนิดของพรีเมียร์ลีก

ก่อนที่จะพูดถึงวันแดงเดือด เราต้องย้อนกลับไปดูจุดกำเนิดของ พรีเมียร์ลีก (Premier League) ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของอังกฤษ

การก่อตั้งพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีกก่อตั้งขึ้นในปี 1992 แทนที่ ดิวิชั่นหนึ่ง (First Division) เดิมของอังกฤษ ระบบลีกใหม่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดและปรับปรุงมาตรฐานฟุตบอลอังกฤษให้ทันสมัยขึ้น ในช่วงแรก มีสโมสรชั้นนำจากดิวิชั่นหนึ่งเดิมเข้าร่วมการแข่งขัน และลีกก็เติบโตขึ้นจนกลายเป็นลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

ศึกวันแดงเดือด: จุดเริ่มต้นของศัตรู

รากฐานความเป็นศัตรูระหว่างเมืองลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์

ความขัดแย้งระหว่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์มีมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 19 ในช่วงที่อังกฤษอยู่ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ทั้งสองเมืองต่างแข่งขันกันเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการค้า

• ลิเวอร์พูล เป็นเมืองท่าที่สำคัญของอังกฤษ การค้าส่วนใหญ่ต้องผ่านทางท่าเรือของลิเวอร์พูล
• แมนเชสเตอร์ เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสิ่งทอ และต้องพึ่งพาการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือของลิเวอร์พูล

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการสร้าง คลองแมนเชสเตอร์ (Manchester Ship Canal) ในปี 1894 เมืองแมนเชสเตอร์สามารถขนส่งสินค้าได้โดยตรงโดยไม่ต้องพึ่งพาท่าเรือลิเวอร์พูล ทำให้เศรษฐกิจของลิเวอร์พูลได้รับผลกระทบอย่างหนัก นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นศัตรูที่ลึกซึ้งระหว่างสองเมือง และส่งผลต่อการแข่งขันของสองสโมสรฟุตบอลในเวลาต่อมา

ลิเวอร์พูล vs แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: ศึกตลอดกาล

สถิติและประวัติการแข่งขัน

ลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสองสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในฟุตบอลอังกฤษ โดยทั้งสองทีมครองแชมป์ลีกและถ้วยรางวัลต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน

• แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 20 สมัย (มากที่สุดในอังกฤษ)
• ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกสูงสุด 19 สมัย และเป็นทีมอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเวทียุโรป (แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 6 สมัย)

แมตช์ที่น่าจดจำในวันแดงเดือด

1. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-4 ลิเวอร์พูล (2008-09)
   • ลิเวอร์พูลบุกไปถล่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดย เฟอร์นันโด ตอร์เรส และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด โชว์ฟอร์มสุดยอด
2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 ลิเวอร์พูล (2010-11)
   • ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ทำแฮตทริกพาทีมปีศาจแดงเอาชนะลิเวอร์พูลในเกมสุดมันส์
3. ลิเวอร์พูล 7-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2022-23)
   • ลิเวอร์พูลสร้างสถิติชนะขาดที่สุดในการพบกัน โดยมีนักเตะหลายคนทำประตู รวมถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โคดี กัคโป และ ดาร์วิน นูเญซ

เหตุการณ์สำคัญและความขัดแย้ง

เหตุการณ์รอย คีน vs อัลฟ์ อิงเก ฮาแลนด์

รอย คีน กัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความบาดหมางกับ อัลฟ์ อิงเก ฮาแลนด์ พ่อของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ (กองหน้าแมนฯ ซิตี้ในปัจจุบัน) และเคยเข้าสกัดรุนแรงใส่ฮาแลนด์ในเกมที่พบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ถูกพูดถึงกันมายาวนาน

หลุยส์ ซัวเรซ vs ปาทริซ เอวร่า

ในปี 2011 ซัวเรซ ถูกกล่าวหาว่าใช้คำพูดเหยียดเชื้อชาติใส่ ปาทริซ เอวร่า กองหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่งผลให้ซัวเรซถูกแบน 8 นัด และสร้างความขัดแย้งรุนแรงระหว่างทั้งสองทีม

บรรยากาศและวัฒนธรรมแฟนบอล

ศึกวันแดงเดือดเป็นแมตช์ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ทั้งแฟนบอลของลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างมองกันเป็นคู่ปรับที่แท้จริง บรรยากาศในสนามแอนฟิลด์และโอลด์ แทรฟฟอร์ดจะเต็มไปด้วยเสียงเชียร์และแรงกดดันมหาศาล

แฟนบอลทั้งสองทีมมักมีการร้องเพลงเชียร์ที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น:

• “You’ll Never Walk Alone” ของลิเวอร์พูล
• “Glory, Glory Man United” ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

บทสรุป

“ศึกวันแดงเดือด” ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันฟุตบอลธรรมดา แต่เป็นสงครามแห่งศักดิ์ศรีที่มีรากลึกมาจากประวัติศาสตร์ของสองเมือง มันเป็นเกมที่สะท้อนถึงการแข่งขันทั้งในและนอกสนาม ซึ่งทำให้พรีเมียร์ลีกมีสีสันและได้รับความสนใจจากแฟนบอลทั่วโลก

ทุกครั้งที่ลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกัน จะเป็นแมตช์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความมุ่งมั่น และความดุเดือด เป็นเกมที่แฟนบอลไม่ควรพลาดและจะเป็นศึกที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกไปตลอดกาล